วิชา GEN1102เทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวัน
Section.AE รหัสนักศึกษา 581473099
นางสาวอารียา หัตถกอง
วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559
วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559
วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2559
ประวัติความเป็นมาของอำเภอเวียงแก่น
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประวัติความเป็นมา : | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กิ่งอำเภอเวียงแก่น ตั้งขึ้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทย มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2530 และได้เปิดทำการให้บริการประชาชนตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.2530 เป็นต้นมา โดยแบ่งท้องที่การปกครองจาก อ.เชียงของ จ.เชียงราย ออกมาตั้งเป็นกิ่ง อ.เวียงแก่น มีท้องที่การปกครอง 3 ตำบลประกอบด้วย ต.ม่วงยาย ต.หล่ายงาว ต.ปอ ทางทิศใต้ของที่ว่าการอำเภอเวียงแก่นปัจจุบัน ในอดีตเคยเป็น"เมืองเวียงแก่น" ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำงาว มีอายุประมาณ 700 ปี ราว ๆ สมัยกรุงสุโขทัยและเมืองเชียงราย มีเนื้อที่ประมาณ 90 ไร่เศษ มีคูน้ำล้อมทั้ง 4 ทิศ ลึกประมาณ 10 เมตร โดยตลอดมีกำแพงกั้นอาณาเขต ของตัวเมืองอย่างแน่นหนา มี "เจ้าหลวงเวียงแก่น" เป็นผู้ครองเมือง ต่อมาได้เกิดสงครามสู้รบกับกองทัพของพ่อขุนเม็งรายมหาราช จากการสู้รบครั้งนั้น เจ้าหลวงเวียงแก่นผู้ครองเมือง ได้สิ้นพระชนม์ในที่รบไปด้วย จากนั้นเมืองเวียงแก่นได้ถูกทิ้งร้าง ดังนั้น เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติแก่เจ้าหลวงเวียงแก่น ซึ่งเป็นผู้ครองเมืองเวียงแก่นในอดีต และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ กิ่งอำเภอ ที่ตั้งขึ้นใหม่ ประชาชนทั้ง 3 ตำบลจึงได้เสนอชื่อกิ่งอำเภอว่า "กิ่งอำเภอเวียงแก่น" ต่อมาได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอเวียงแก่น เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2538
พื้นที่ / ลักษณะภูมิอากาศ
เนื้อที่ / พื้นที่ 526 ตร.กม.
สภาพภูมิอากาศ เป็นแบบมรสุมเขตร้อน มี 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว
การปกครอง
หมู่บ้าน 41 หมู่บ้าน ตำบล 4 ตำบล
เทศบาล 0 แห่ง องค์การบริหารส่วนตำบล 4 แห่ง
อาชีพ
อาชีพหลัก เกษตรกรรม เช่นการเพาะปลูกข้าวเหนียว ข้าวเจ้า ขิง ข้าวโพด การทำสวนส้มโอ ส้มเขียวหวาน ผลไม้เมืองหนาว ผักปลอดสารพิษ หอมหัวใหญ่
อาชีพรอง การทอผ้า หัตถกรรมชาวเขา เครื่องจักสาน เครื่องเงิน การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากส้มโอ และกล้วย และรับจ้างทั่วไป
การศึกษา
โรงเรียนประถม 29 โรง
โรงเรียนมัธยม 1 โรง
วิทยาลัย / มหาวิทยาลัย 0 แห่ง
ศาสนา
วัด 30 แห่ง
โบสถ์ 2 แห่ง
มัสยิด / สุเหร่า 0 แห่ง
ประชากร
จำนวนประชากรชาย 16,485 คน
จำนวนประชากรหญิง 15,923 คน
รวม 32,408 คน
ความหนาแน่น 61.61 คน/ตร.กม.
การเกษตรและอุตสาหกรรม
ผลผลิตทางการเกษตร ส้มโอ ส้มเขียวหวาน ข้าวโพด ขิง หอมหัวใหญ่ ผักปลอดสารพิษ
แหล่งน้ำสำคัญ แม่น้ำงาว แม่น้ำโขง ลำห้วยวอง อ่างเก็บน้ำห้วยวอง อ่างเก็บน้ำขุมดิน อ่างเก็บน้ำทุ่งคำ อ่างเก็บน้ำห้วยเอียน อ่างเก็บน้ำห้วยน๊อต อ่างเก็บน้ำทุ่งควน
โรงงานอุตสาหกรรม โรงงานผลิตผักกาดดองกระป๋อง (บริษัท อ.เจริญชัย (2001) จำกัด)
|
ศิลปะวัฒนธรรม / ประเพณีของชาวเวียงแก่น
เผ่าไทลื้อ
ไทลื้อ หรือ คนลื้อ เป็นชาวไทยกลุ่มหนึ่ง มีถิ่นฐานเดิมอยู่ในแถบสิบสองปันนาของจีน มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือการใช้ภาษาลื้อ และยังมีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์อื่นๆ เช่น การแต่งกาย ศิลปะและประเพณีต่าง ๆ
มีประเพณีที่สำคัญดังนี้
- พิธีเลี้ยงปางแปด เป็นการอันเชิญเจ้าป่าเจ้าเขาให้มาปกปักษ์รักษาพืชผลที่ทำการเพาะปลูกไว้ จัดในช่วงเดือน พฤษภาคม – มิถุนายน ของทุกปี
- พิธีถายหนังแดง เป็นพิธีการขอฝนเพื่อความอุดมสมบูรณ์ในการเพาะปลูก จัดขึ้นในช่วงเดือน พฤษภาคม - มิถุนายน ของทุกปี
พิธีสู่ขวัญ หรือเรียกว่า การบายศรีสู่ขวัญ เป็นประเพณีดั้งเดิมเก่าแก่ของชาวไทลื้อ นิยมกระทำสืบเนื่องติดต่อกันมาเป็นเวลานาน ถือว่าเมื่อทำพิธีเเล้วจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เป็นกำลังใจในการที่จะประกอบคุณงาม ความดีต่อไป
ชาวไทยภูเขาเผ่าม้งได้ตระหนักถึงคุณค่าและหวงแหนการสืบทอดประเพณีของชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ถือโอกาสกลับบ้านพบปะครอบครัว ฉลองปีใหม่ม้งกันอย่างคึกคักมีประเพณีที่สำคัญดังนี้
- พิธีเลี้ยงปางแปด เป็นการอันเชิญเจ้าป่าเจ้าเขาให้มาปกปักษ์รักษาพืชผลที่ทำการเพาะปลูกไว้ จัดในช่วงเดือน พฤษภาคม – มิถุนายน ของทุกปี
- พิธีถายหนังแดง เป็นพิธีการขอฝนเพื่อความอุดมสมบูรณ์ในการเพาะปลูก จัดขึ้นในช่วงเดือน พฤษภาคม - มิถุนายน ของทุกปี
พิธีสู่ขวัญของชาวไทลื้อ
เผ่าม้ง
สำหรับประเพณีปีใหม่ม้ง เช่น การโยนลูกช่วงตามประเพณี การแสดงเต้นรำของชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง การร้องเพลง การเเข่งขันกีฬาพื้นบ้าน การเเข่งขันตีลูกข่าง วิ่งเปรี้ยว การเเข่งขันชักกะเย่อ การเเสดงละครบนเวที ซึงทุกปีบรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะบรรดาหนุ่มสาวที่ต้องไปเรียนหรือทำงานต่างจังหวัด ได้มีดอกาสกลับมาร่วมงานประเพณีท้องถิ่นปีใหม่ม้งอย่างอบอุ่น
เผ่าจีนฮ้อ
ชาวจีนฮ่อ มีงานปีใหม่เช่นเดียวกันกับจีน มีการเซ่นไหว้เจ้าที่ด้วยอาหาร ผลไม้ จุดประทัด ทุกคนต่างหยุดงาน และแต่งกายสวยงามเลี้ยงสุราอาหาร ให้ของขวัญแก่กัน มีการไหว้บิดามารดาหรือสามีภรรยาที่ล่วงลับไปแล้ว
วัฒนธรรมเเละประเพณีของชาวจีนฮ้อ
ชาวจีนฮ้อ มีงานปีใหม่เช่นเดียวกันกับจีน มีการเซ่นไหว้เจ้าที่ด้วยอาหาร ผลไม้ จุดประหยัด ทุกคนต่างหยุดงาน เเละเเต่งการสวยงามเลี้ยงสุราอาหาร ให้ของขวัญแก่กัน มีการไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว
แก่งผาได ชายแดนไทย-ลาว
ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 บ้านห้วยลึก ตำบลม่วงยาย อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย อยู่ห่างจากตัวอำเภอไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 14 กิโลเมตร
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของตำบลม่วงยาย มีพื้นที่ประมาณ 17 ไร่ เป็นสวนสาธารณะพักผ่อนหย่อนใจ มองเห็นธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน – เดือนพฤษภาคม จะเป็นช่วงน้ำลดน้อยลง ทำให้มองเห็นโขดหินที่โผล่พ้นแม่น้ำ ปกคลุมไปด้วยพื้นพันธ์ธรรมชาติ ประกอบกับอากาศที่บริสุทธิ์ มองเห็นฝั่งตรงข้ามแม่น้ำโขง คือ สาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
แก่งนี้นอกจากปกคลุมด้วยทรายแล้ว ยังมีก้อนหินขนาดเล็กมากมาย ก้อนหินเหล่านี้จะเป็นแหล่งกำเนิดไก เช่นเดียวกับแก่งหินใต้น้ำ หาดทรายยังเป็นที่อาบน้ำเล่นทรายของนกอีกด้วย และมีแก่งหินที่มีลักษณะเป็นแท่งหินตั้งอยู่ในแม่น้ำโขง ซึ่งเกิดจากการทับถมของตะกอนแม่น้ำจึงมีพืชริมน้ำขึ้นอยู่ คือ ต้นไคร้ ต้นไคร้หางนาคขึ้นอยู่จำนวนมาก ผาในแม่น้ำโขงบริเวณนี้จมอยู่ใต้น้ำในฤดูน้ำหลาก และโผล่เหนือน้ำในฤดูน้ำลดมีทัศนียภาพที่สวยงาม จนมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาล่องเรือเล็กชมความงดงามของลำน้ำโขง นักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวภูชี้ฟ้า ผาตั้ง ก็จะแวะมาท่องเที่ยวที่แก่งผาไดแห่งนี้ด้วย
ดอยผาตั้ง หรือ ภูผาตั้ง ประตูสยาม ชายแดนไทย-ลาว
ลมเย็นแห่งเหมันตฤดูพัดเอื่อยโชยมายามเช้าตรู่ ท้องฟ้าสีฟ้าอมชมพูแกมแสดที่เห็นอยู่สุดริมขอบฟ้าเบื้องหน้ามีทะเลหมอกที่สวยงามกว้างไกลสุดสายตา บรรยากาศก็เย็นสบาย สามารถมองเห็นทะเลหมอกได้รอบตัว ยามบ่ายเมื่อสายหมอกจางลง เผยให้เห็นแม่น้ำโขงที่ลัดเลาะไปตามทิวเขา ที่สลับซับซ้อนของประเทศลาว โดยเฉพาะช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม ดอกซากุระและดอกเสี้ยวจะบานสะพรั่งงดงาม
ดอยผาตั้ง เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาดอยผาหม่น ซึ่งเป็นเทือกเขาแนวพรมแดนไทย-ลาว สูง 1,800 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ดอยผาตั้งถือเป็นเป็นจุดชมวิวไทย-ลาว และทะเลหมอกที่สวยงามไม่แพ้ภูชี้ฟ้า รถยนต์สามารถขึ้นเกือบถึงจุดชมวิวบริเวณเนินร้อยสามได้ บนจุดชมวิวจะเป็นแนวเขาซึ่งชมวิวได้ตลอดแนว
ถัดจากช่องผาบ่องขึ้นไปอีกราว 15 เมตร จะเป็นเนินที่ประดิษฐานพระพุทธมังคลานุภาพลาภสุขสันติและศาลาทรงเก๋งจีน อนุสรณ์สถานของนายพลหลี่ ผู้นำ ทจช. ในอดีต จากเนินตรงนี้เดินลงไปอีก 30 เมตร ก็จะพบทางขึ้นไปชม ป่าหินยูนนาน ซึ่งเป็นหินรูปทรงลักษณะคล้ายภูเขาในประเทศจีนที่มีรูปทรงสูงๆ หลายแหลมขึ้นสลับทับซ้อนสวยงามมาก
ภูชี้ฟ้า
ภูชี้ฟ้า เป็นยอดเขาสูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่น ติดชายแดนไทย – สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยู่ในพื้นที่เขตอำเภอเทิง
จังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติด้วยลักษณะหน้าผาปลายยอดแหลม เป็นแนวยาวที่ชี้ไปบนฟ้า
ทางฝั่งประเทศลาว จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกว่า “ภูชี้ฟ้า” นั่นเอง
ด้านที่ติดสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นับเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด ทั้งนี้
กรมป่าไม้ได้มีคำสั่งให้จัดตั้ง “ภูชี้ฟ้า” เป็นวนอุทยาน เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2541 ด้วยเนื้อที่ประมาณ 2,500ไร่ สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,200 เมตร ถึง 1,628 เมตร
สำหรับไฮไลท์สำคัญของภูชี้ฟ้า
ต้องยกให้จุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม
อีกทั้งทิวทัศน์ของภูเขาสลับซับซ้อนดูกว้างไกล
โดยในตอนเช้าจะมีทะเลหมอกปกคลุมในหุบเขาเบื้องล่าง
มีพระอาทิตย์ขึ้นผ่านพ้นทะเลหมอก ท่ามกลางทุ่งหญ้า แซมด้วยทุ่งดอกโคลงเคลง
(ในช่วงฤดูฝนไปจนถึงฤดูหนาว) สวยงามราวกับภาพวาด อย่าบอกใครเชียว!!! และหากรอจนสายหมอกถูกความร้อนระเหยหมดแล้ว
ก็ยังคงมองเห็นสายน้ำโขงไหลคดเคี้ยว
ท่ามกลางป่าไม้ของฝั่งลาวที่เขียวสุดสมบูรณ์อีกด้วย หากมาเที่ยวภูชี้ฟ้า ในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม
เส้นทางขึ้นภูชี้ฟ้าจะผ่านป่าซากุระหรือต้นพญาเสือโคร่งสีชมพูสวยงามมากอีกเช่นกัน
วนอุทยานแห่งนี้นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาในช่วงฤดูหนาวเพื่อที่จะได้สัมผัสอากาศที่หนาวเย็น และได้ชมความงามของดอกชงโคป่าสีขาวที่ออกดอกบานสะพรั่ง นอกจากนี้การเดินทางมาในช่วงนี้ยังจะได้สัมผัสทะเลหมอกที่เหมือนดั่งประโยคที่ว่า “สายหมอกโอบกอดขุนเขา” สามารถกางเต็นต์พักผ่อนได้
ภูชี้ดาว
ปลายทางหนาวที่ ภูชี้ดาว เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงาม ไม่แพ้ภูชี้ฟ้า ซึ่งวันไหนสภาพอากาสเปิด สามารถมองเห็นยอดภูชี้ฟ้าได้ชัดเจน ภูชี้ดาวตั้งอยู่บนพื้นที่ในความดูแลของตำบลปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย จุดเด่นของภูชมดาวอยู่ที่ยอดสูงสุด สามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา ไม่มีต้นไม้ สิ่งก่อสร้างใดๆมาบดบัง มีแนวรั้วไม้ไผ่กันเขตแดนป้องกันอันตรายมาสร้างเป็นจุดเด่นบนยอดชมวิวแห่งนี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังใหม่ ทุกอย่างยังคงอุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมชาติ ป่าเขา ต้นไม้ ทิวทัศน์ทะเลหมอก
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการค้นหาสถานที่ใหม่ๆ ในบรรยากาศแสนโรแมนติก ไม่วุ่ยวายด้วยผู้คน เสียงรถวิ่งผ่าน ที่นี่จะได้สัมผัสกับธรรมชาติจริงๆ
การเดินขึ้นสู่ยอดภูชี้ดาว จะต้องใช้รถ 4x4 เท่านั้น ขับรถขึ้นไปตามถนนในหมู่บ้าน ระยะทางราว 3 กิโลเมตร จะเจอสามแยกด้านหน้าเป็นศูนย์ปฏิบัติการทหารพราน บ้านร่มโพธิ์เงิน ร้อย ทพ.3104 ฉก.ทพ.31 ให้เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายบอกทางแล้ววิ่งขึ้นสู่ถนนดิน จากตรงนี้เส้นทางบางช่วงแคบและชัน ควรขับรถด้วยความระมัดระวัง เมื่อถึงจุดจอดรถด้านบน ต้องเดินเท้าต่อไปบนยอดภูชี้ดาวอีก ราวๆ 200 เมตร
ด้านบนไม่มีที่พัก ร้านอาหาร ดังนั้นควรเตรียมน้ำดื่มไปให้พอกับความต้องการ ยาดม เพราะอาจต้องใช้ตอนเดินขึ้นสู่ยอดดอย ถุงเท้ากันทาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ชื้นและยังใหม่ อาจเจอกับตัวทากได้ ดังนั้นเตรียมสเปรย์หรือถุงเท้ากันทากเดินทางไปด้วย
ภูชี้ดาว นี้อาจจะยังไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็กและคนแก่ เนื่องจากพื้นที่ทางเดินขึ้นไปต้องเดินแบบไล่ตามระดับสันเขาขึ้นไปเรื่อยๆ หากร่างกายไม่พร้อมจะเหนื่อยได้ อีกอย่างบริเวณสันเขาบนยอดภูชี้ดาว มีพื้นที่ไม่มาก สองด้านเป็นเหวลึก หากพาเด็กไปด้วยควรระมัดระวัง หรือคนแก่ในความดูแลของท่านไว้ให้ดี เมื่อเห็นว่ามีคนเดินขึ้นไปเยอะๆ ไม่ควรรีบเดินซ้อนขึ้นไป เพราะอาจเสี่ยงต่อการพลัดตกลงยอดเขาได้
บริเวณลานจอดรถด้านบนเอง ตอนนี้กำลังพัฒนาให้เป็นจุดกางเต้นท์ ถ้าหากต้องการเดินทางไปแบบกางเต้นท์ ค้างแรม ลองสอบถามข้อมูลก่อนการเดินทางจากกำนัน หรือผู้นำชุมชน ตามข้อมูลด้านล่างก่อนทุกครั้ง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)